วันนี้ (26 มิ.ย.65) เจ้าหน้าที่ได้รับรับแจ้งว่ามีขบวนการลักลอบตัดไม้ในเขตพื้นเขตป่าเตรียมการหมายเลข 59 (ป่าไม้ถาวร) นายนเรศ นนท์คลัง ป่าไม้อาวุโส จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดปฎิบัติการพิเศษป่าไม้ ชุดที่ 2 ( สังกัดกรมป่าไม้) ,หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ อต.2 (นาลับแลง) , กรมอุทยาน ฐานปฎิบัติการรักษาป่าที่ 4 (ห้วยไผ่) สังกัด สนง.บริหารจัดการบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 พิษณุโลก กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าพันธุ์พืช , ชุดสายตรวจปราบปรามประจำสำนัก ฯ 11 สายที่ 2 จังหวัดอุตรดิตถ์ , เจ้าหน้าที่วนอุทยานน้ำตกแม่เฉย , เจ้าหน้าที่.ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบป่าถาวรป่าห้วยโท้ง บ้านขุนห้วย หมู่ที่ 1 ตำบลนานกกก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ รวมกำลัง 20 นาย
กระทั่งเวลาประมาณ 23.30 น.คืนที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ ได้ยินเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ดังมาแต่ไกล จึงวางกำลังเพื่อเข้าจับกุม เมื่อถึงจุดที่มอดไม้กำลังแปรรูปไม้กันอยู่ จึงได้เข้าจับกุม แต่ปรากฏว่ามือเลื่อยไม้และคนดูต้นทางไหวตัวทัน ได้ทิ้งอุปกรณ์การแปรรูปไม้ไว้แล้ววิ่งหลบหนีเข้าป่าหายไปกับความมืด 2 คน เจ้าหน้าก็ไม่ได้ติดตามเนื่องจากเป็นเวลายามวิกาลเกรงเกิดอันตราย แต่ก็สามารถจับกุมตัวไว้ได้ 2 คน ทราบชื่อว่า นายปกรณ์ (ช้าง) อายุ 53 ปี กับนายนพชัย ( ดำ) อายุ 39 ปี ทั้งคู่เป็นคนพื้นที่อำเภอลับแล ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบไม้มะค่าโมงขนาดใหญ่ 3 คนโอบ แปรรูปกองอยู่ หน้ากว้าง 1 เมตร ยาว 5.20 เมตร หนา 4 นิ้ว จำนวน 10 แผ่น ไม่ท่อนอีกจำนวน 5 ท่อน รวมปริมาตร 9.13 ลูกบาศก์เมตร และยังพบเลื่อยโซ่ยนต์ที่ใช้ในการแปรรูปไม้ซึ่งติดบาร์ยาวขนาด 36 นิ้ว 1 เครื่อง รถจักรยานยนต์ 3 คัน โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รับว่า ของกลางดังกล่าวเป็นของกลุ่มตนเองที่เข้ามาแปรรูปไม้
หลังจากเจ้าหน้าที่ได้สอบถามผู้ที่หลบหนีไป ซึ่งทราบว่ามีนายหน่อง กับลูกชาย และเป็นผู้ว่าจ้างพวกตน โดยผู้ที่หลบหนีไปก็รับออเดอร์ให้มาทำไม้ในครั้งนี้อีกทอดหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัด ได้นำโทรศัพท์ของผู้ต้องหามาตรวจสอบ พร้อมทำการขยายผลเพื่อจับกุมขบวนการดังกล่าวทั้งหมดอีกครั้ง โดยคาดว่าคนมีสีเอี่ยวในครั้งนี้ด้วย เพราะผู้ต้องหาที่หลบหนีไปนั้นมีพฤติกรรมทำไม้ให้กับคนมีสีในพื้นดังกล่าว ไม้แปรรูปทั้งหมดหากหลุดรอดนำไปทำเป็นเฟอร์นิเจอร์เช่นโต๊ะไม้มะค่า ราคาตกแผ่นละกว่า 100,000 บาท รวมเป็นเงินเกือบ 2,000,000 บาท