อุตรดิตถ์ เจ้าหน้าที่ทำงานด่านหน้า ปฏิเสธ ไม่เข้ารับฉีดวัคซีน ทำเอาวุ่น ต้องตามประชาชนมารับวัคซีนที่เหลือให้หมด เหตุเกิดปัญหาการเก็บรักษา
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
วันที่ 11 พ.ค. นายประการ เข้มแข็ง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) อุตรดิตถ์ ในฐานะฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการควบคุมโรค จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ห้องมเหสักข์ โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าฯ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ หัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากรทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ เช่น บุคลากรในโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ข้าราชการ พนักงานไปรษณีย์ เจ้าหน้าที่เรือนจำ และ จนท.ด่านหน้า เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค ได้รับจัดสรรมาจากกระทรวงสาธารณสุข รอบนี้ 1,400 โดส
แต่ปรากฏว่า มีบุคคลกลุ่มเป้าหมายเดินทางมาฉีดวัคซีน ตัวเลขกลมๆคือ 1,100 คน ส่งผลให้วัคซีนเหลือ 300 โดส จนท.พยายามติดต่อประสานงานเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่ได้รับคำตอบ ไม่สะดวก จนท.จำเป็นต้องเร่งบริหารจัดการวัคซีนที่เหลือ 300 โดสให้หมด เนื่องจากหวั่นเรื่องคุณภาพ หากนำกลับเข้าสู่ระบบจัดเก็บ เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยยึดหลักว่า ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงและได้รับการฉัดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อยู่แล้ว
ประกอบกับวันที่ 10 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ จะติดตามส่วนราชการต่างๆ ไม่สามารถทำได้ในห้วงเวลาจำกัด 1-2 ชั่วโมง จึงจัดสรรวัคซีนที่เหลือ 300 โดส ฉีดให้กับ พนักงาน ลูกจ้าง โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้า ประชาชน ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ต้องสัมผัสหรือใกล้ชิดกลับคนหมู่มาก
“จึงกลายเป็นที่มาและกระแสข่าวว่า เหตุใด ประชาชนจังหวัดอุตรดิตถ์ บางส่วนที่ไม่ใช่ จนท.ด่านหน้า ได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งๆที่ยังไม่ถึงเวลาตามที่รัฐบาลประกาศกำหนดไว้ ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด ด้วยสถานการณ์ ณ เวลานั้นต้องใช้การบอกต่อญาติ คนรู้จัก มารับวัคซีน คนที่ปฏิเสธการรับวัคซีนยังคงมีอยู่
จึงกลายเป็นที่มาของวัคซีนเหลือถึง 300 โดส ตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนทำความเข้าใจ ประชาชนให้มากที่สุด ให้เข้าถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโควิด-19 ล่าสุด จ.อุตรดิตถ์มีประชาชน 7 กลุ่มโรค ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปลงทะเบียน 6000 คน เริ่มฉีดเดินมิถุนายน นี้ ส่วนภาคประชาชนทั่วไปเริ่มลงทะเบียนเดือนกรกฎาคม ไม่สะดวก หมอพร้อม ให้แจ้งได้ที่โรงพยาบาล ,รพ.สต.หรือ อสม.ใกล้บ้าน” นายปราการกล่าว