เมื่อเวลาค่ำคืนของวันที่ 13 มกราคม 64 ที่บริเวณจุดตรวจจุดสกัดด่านไฮ่ฮ้า จุดป้องกันการติดต่อและการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 หมู่ที่ 7 บ้านไฮ่ฮ้า ต.ด่านนาขาม อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ พ.ต.ท.จีระพงศ์ ชุมภูอินทร์ รองผู้กำกับการฯ หัวหน้าชุดสกัดแรงงานต่างด้าวจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดและเมืองอุตรดิตถ์ เข้าตรวจสอบรถยนต์กระบะตอนเดี่ยว สีขาวยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ฒฮ-4678 กรุงเทพมหานคร ชนิดมีหลังคาคุม ด้านข้างเป็นแบบกรงเหล็ก กำลังวิ่งเข้ามาที่ด่านตรวจอย่างมีพิรุจ พบกลุ่มชายนั่งมาด้วยกัน จำนวน 6 คน ด้านหน้ารถ 2 คน ด้านท้ายรถยนต์กระบะ 4 คน บรรทุกสัมภาระเป็นกระป๋องสี บันไดเหล็ก อุปกรณ์ก่อสร้างและกระเป๋าเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง จึงเรียกให้หยุดรถ เพื่อทำการตรวจบุคคลรวมถึงแรงงานต่างด้าวข้ามชาติที่คาดว่าจะอาศัยช่วงเวลาค่ำคืนออกเดินทางข้ามจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านขอตรวจใบอนุญาตขับขี่จากคนขับรถและบัตรประชาชนผู้นั่งอาศัยมาด้วยทุกคน พบมีเพียงใบต่างด้าวเป็นชาวพม่าทั้งหมด จึงเรียกให้ทุกคนลงจากรถเพื่อทำการตรวจคัดกรองโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่ อสม.และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 เบื้องต้นไม่พบว่าทั้ง หมดมีไข้ มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำการตรวจสอบเอก สารบัตรประจำตัวผู้ใช้แรงงานต่างด้าว พบเข้าเมืองและใช้แรงงานถูกต้องตามกฏหมายทุกคน เจ้าหน้าที่จึงขอสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางในช่วงระยะนี้ ซึ่งมีข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 15) ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรง งานต่างด้าว และความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ผู้ฝ่าฝืนจะต้องได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดทั้งปรับและติดคุก โดยนำตัวแรงงานต่างด้าวชาวพม่าทั้ง 6 คนไปสอบ สวนที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์
ต่อมา พ.ต.อ.สมศักดิ์ อู่ตุ้ม รองผู้บังคับการตำรวภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ (ฝ่ายความมั่นคง) เดินทางมาสอบปากคำผู้ใช้แรงงานต่างด้าวชาวพม่าทุกคนด้วยตนเอง ให้การรับสารภาพว่าได้รับคำสั่งจากนายจ้างซึ่งอยู่กรุงเทพมหานครให้แรงงานทุกคนไปช่วยกันทำงานก่อสร้างรับเหมาในพื้นที่จังหวัดน่าน โดยบรรทุกกระป๋องสีพร้อมอุปกรณ์ก่อสร้างจำนวนหนึ่งขึ้นไปทำงานตามที่สั่ง เมื่อเสร็จงานแล้วจึงเดินทางกลับเข้าพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อกลับเข้าทำงานยังสำนักงานที่นาย จ้างอยู่ แต่เดินทางมาถึงเพียงแค่เขตพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสกัดจับไม่ให้ผ่านด่านต่อไปได้ โดยไม่ทราบมาก่อนว่ามีการประกาศห้ามมิให้มีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในช่วงระยะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด มีความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวและความผิดามประกาศจังหวัดหรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุตรดิตถ์ ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกพื้นที่จังหวัด นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อดำเนินคดี
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ คณะแพทย์จากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จะเข้าทำการตรวจสารคัดหลั่งใต้โพรงจมูกและปากเพื่อหาเชื้อโควิด-19 จากกลุ่มผู้ใช้แรงงานต่างด้าวทั้งหมดอีกครั้ง ตามมาตรการควบคุมป้องกันโรคระบาดของจังหวัดอุตรดิตถ์และตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระหว่างถูกดำเนินคดีในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์
พ.ต.อ.สมศักดิ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้รายงานให้ นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ และ พล.ต.ต. ไชยา สุนทรกิจ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้รับทราบเบื้องต้น ถึงการจับกุมแรงงานต่างด้าวข้ามชาติสัญชาติพม่าทั้ง 6 คน ที่มีการเคลื่อนย้ายจากจังหวัดหนึ่งไปยังจังหวัดหนึ่งในช่วงระยะนี้ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อระเบียบกฏหมายตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินและประกาศจังหวัดอุตรดิตถ์ โทษมีทั้งปรับและจำคุก
สมภพ สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดอุตรดิตถ์