เช้านี้ที่หมอชิต – จังหวัดสงขลา ต้องเลื่อนเปิดเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยว จากเดิมวันที่ 1 ธันวาคม เป็นวันที่ 16 ธันวาคม นี้หลังในพื้นที่ยังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเกือบ 500 คน ติดอันดับสองของไทย และสูงอันดับหนึ่งของภาคใต้ ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
สงขลาพบผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ต้องเลื่อนเปิดเมือง
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ของจังหวัดสงขลา ล่าสุดตัวเลขเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) ก็ยังไม่ลดลง อยู่ที่ 456 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเฉพาะตั้งแต่เดือนเมษายน ที่ผ่านมาใกล้แตะ 60,000 คนแล้ว อยู่ที่ 59,537 คน และมีผู้เสียชีวิตสะสม 250 คน และขณะนี้ยังมีผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มากถึง 5,996 คน ซึ่งตัวเลขนี้ทำให้ทางจังหวัดต้องเลื่อนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยว จากวันที่ 1 ธันวาคม เป็นวันที่ 16 ธันวาคมนี้
โดยทาง นายอำพล พงศ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมาชี้แจงว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังสูงเป็นอันดับสองของไทย และเป็นอันดับหนึ่งของภาคใต้ ติดต่อกันสัปดาห์ที่ 2 นั้น เป็นผลมาจากการระดมตรวจเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อกลุ่มเสี่ยงในชุมชนต่าง ๆ ซึ่งมีการนำตัวผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการรักษา ก่อนถึงวันที่ 16 ธันวาคมนี้ และเมื่อวันดังกล่าว ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องไม่เกิน 300 คนต่อวัน จากจำนวนประชากรจังหวัดสงขลา
ส่วนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องเลื่อนออกไปอีกราวครึ่งเดือนนั้น ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อเตรียมความพร้อม โดยจะนำร่องในพื้นที่อำเภอเมืองสงขลา อำเภอหาดใหญ่ และอำเภอสะเดา ซึ่งขณะนี้เตรียมการไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว และระหว่างนี้เร่งเชิญชวนให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว 10 ประเภท เข้าสู่มาตรฐานชา หรือ ชาพลัส ให้ได้ตามเป้าหมาย 500 แห่ง
สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ขณะนี้ฉีดเข็มที่ 1 แล้วกว่า 73 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีกประมาณ 250,000 คน ก็จะครบ 75 เปอร์เซ็นต์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
พบคลัสเตอร์เด็กเล็ก ติดเชื้อในโรงเรียน
ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ตอนนี้ไปพบคลัสเตอร์เด็กเล็กที่โรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ แห่งที่ 1 มีผู้ติดเชื้อไปแล้วถึง 19 คน มีทั้งนักเรียน ระดับชั้น ป.2, ป.3, ป.5 รวมไปถึงผู้ปกครอง และคนขับรถตู้รับส่งนักเรียนด้วย และพบกลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัว 14 วันมากถึง 438 คน
ทีมสอบสวนโรคจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ ลงพื้นที่ทันที พบว่าการติดเชื้อมาจากหลายสาเหตุ แต่เบื้องต้นจุดที่พบเชื้ออยู่ในอาคารและสภาพแวดล้อมเดียวกัน คือเป็นอาคารเรียนสองภาษา โดยเจ้าหน้าที่ ยอมรับว่าอาคารเรียนของโรงเรียน ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นการนั่งเรียนใกล้ ๆ กัน ระยะห่างของโต๊ะและเก้าอี้แต่ละคนไม่ถึง 1 เมตร ถือว่าคับแคบ และไม่ได้แบ่งชั้นเรียน หรือสลับกันมาเรียน แต่เป็นการมาเรียนเต็มรูปแบบ 100% ทำให้มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้ สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ มีครู นักเรียน บุคลากร รวมกว่า 2,700 คน
จุดที่เป็นข้อสังเกตอีกอย่างคือ อาคารเรียนจุดพบผู้ติดเชื้อ มีจุดที่สัมผัสร่วมของนักเรียน คือ ราวบันได ด้วยบันไดมีความชัน ดังนั้นเด็ก ๆ ขึ้น-ลง ต้องเกาะราวทุกคน ประตูห้องเรียนเป็นแบบกระจกบานเลื่อนเข้า-ออกห้องเรียน เด็ก ๆ ต้องจับที่จับประตูเพื่อเปิด-ปิด ตู้ทำน้ำเย็น ดังนั้นต้องมีการทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม อย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง และต้องให้เด็กล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์เป็นประจำ การแปรงฟันหลังอาหาร ควรจัดเว้นระยะห่างหรือแบ่งกลุ่ม ลดจำนวนนักเรียน หรือแบ่งช่วงระยะเวลาเพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม ทางโรงเรียนได้ประกาศปิดเรียนเป็นกรณีพิเศษ และประสานทางกองสาธารณสุขเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ให้เข้ามาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค และระดมเจ้าหน้าที่ล้างทำความสะอาดทุกพื้นที่ของโรงเรียน และจะกำหนดเปิดเรียนอีกครั้งในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ พร้อมปรับรูปแบบการเรียนการสอน และมีการตั้งจุดเจลแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นตามคำแนะนำ
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการเปิดเรียน นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา จังหวัดอุตรดิตถ์ พบนักเรียน นักศึกษา ติดเชื้อแล้วไปแล้ว 45 คน กระจาย 5 อำเภอ โดย 27 คน ติดเชื้อแล้วมาเรียนในโรงเรียน ทำให้เกิดเป็นคลัสเตอร์โรงเรียนแล้ว 2 แห่ง คือ โรงเรียนชุมชนไผ่ล้อมวิทยา อำเภอลับแล และโรงเรียนอนุบาลอุตรดิตถ์ แห่งที่ 1 ทั้งนี้ การคัดกรองด้วยเครื่องเทอร์โมสแกน ที่ใช้ตามจุดเข้าออกสถานที่ต่าง ๆ นั้น ใช้เพื่อสแกนอุณหภูมิร่างกายเป็นการคัดกรองได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ถ้าเด็กไม่มีไข้ ก็ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าป่วยหรือว่าติดเชื้อ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการคัดกรองอย่างชัดเจนอีกครั้ง