วันจันทร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2565, 21.50 น.
‘ปลัดมท.’ เผยผลการจับกุมผู้ลักลอบผลิตอาวุธปืนผิดกฎหมาย-ยาเสพติดทั่วไทยรายวัน ลั่นไม่มีเรื่องไหนในพื้นที่ที่กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้ ชูบทบาทผนึกประชาชนสอดส่องเป็นหูเป็นตา
วันที่ 17 ตุลาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้(17ต.ค.) ได้รับรายงานว่า นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วย นายรนัสถ์ชัย พุ่มเจริญ นายอำเภอเมืองราชบุรี นำกำลังสมาชิก อส. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลเจดีย์หัก ตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี และพิสูจน์หลักฐานจังหวัดราชบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่ 1/104 และ 1/106 (หมู่บ้านการเคหะฯ) หลังได้รับแจ้งจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจในพื้นที่ ว่ามีการลักลอบผลิตอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และดัดแปลงสภาพปืน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบอาวุธปืนยาว 1 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น 8 กระบอก รวม 9 กระบอก พร้อมอุปกรณ์ที่ใช้ในการดัดแปลงและอุปกรณ์ที่เป็นส่วนประกอบปืนจำนวนมาก และสามารถจับกุมนายทศพล หรือ บาส อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 1/106 ส่วนบ้านเลขที่ 1/104 ที่อยู่ติดกันนั้นมีนายเถลิงศักดิ์ หรือ อ้วน เป็นผู้เช่าได้ปีนข้ามกำแพงด้านหลังบ้าน หลบหนีไปได้ ขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข้าตรวจค้น โดยได้ตรวจยึดของกลางไว้เป็นหลักฐานและนำตัวนายทศพล หรือ บาส ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนนายเถลิงศักดิ์ อ้วน ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“ไม่มีเรื่องไหนในพื้นที่ที่กำนันผู้ใหญ่บ้านไม่รู้ ดังนั้น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกพื้นที่ ต้องร่วมกับพี่น้องประชาชนทุกตำบล หมู่บ้าน แจ้งเบาะแสการกระทำความผิดทุกชนิด อาชญากรรมทุกประเภท ซึ่งอาจมีอาชญากรแฝงตัวหรือหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแล ถ้ามีคนแปลกหน้า หรือขับรถยานพาหนะแปลกตาเข้ามาในพื้นที่ ต้องช่วยกันดู ช่วยกันแจ้งให้นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือตำรวจในพื้นที่ ได้ทราบ เพื่อตรวจสอบตรวจตราตามกฎหมาย อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่น และความปลอดภัยในสวัสดิภาพของพี่น้องประชาชน และท้ายที่สุด สังคมไทยจะเป็นสังคมที่ปลอดภัย ใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว ร่วมกับคนในชุมชนได้มีความสุขอย่างยั่งยืน” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย จึงได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เน้นย้ำให้หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ ย้ำเตือนข้าราชการและบุคลากรในสังกัด ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งดำเนินมาตรการในการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีตัวอย่างผลการปฏิบัติในวันนี้ ได้แก่ 1.จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบหมายให้ นายวีระพรรณ สุขะวัลลิ นายอำเภอนาบอน บูรณาการร่วมกับ พลตำรวจตรี สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช พันตำรวจเอก ชัยภัทร ศรีเรือง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาบอน และ พันตำรวจโท วีระศักดิ์ คงเพชร ผู้บังคับการกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 สนธิกำลังติดตามแก๊งค้ายาเสพติดที่เชื่อมโยงระหว่างจังหวัดนครศรีธรรมราชกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ คือ นายพิชิต พรหมทอง หรือ “ชิต นาบอน” ชาวอำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมของกลางยาบ้า 40,000 เม็ด รถกระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน บธ 7695 ตรัง เพื่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างติดตามจับกุมนายเกียรติศักดิ์ ผู้ต้องหาอีกราย มาดำเนินคดีต่อไป
2.จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ นายทศพล สินยบุตร นายอำเภอปาย พร้อมด้วยนายภูรีภัทร พิพัฒน์พงศธร นายพิเชษฐ พุ่มนวน ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคงอำเภอปาย นำกำลังสมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอปาย ที่ 4 ร่วมกับตำรวจสถานีตำรวจภูธรปาย ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 3363 และเจ้าหน้าที่ทหาร จับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จำนวน 2 ราย โดยรายแรก เป็นชายไทย อายุ 40 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 217 เม็ด และอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ (ปืนแก๊ปยาว) ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี สำหรับรายที่สองเป็นชายไทย อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยของกลาง ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 จำนวน 106 เม็ด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี
3.จังหวัดลำพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน มอบหมายให้นายประเชิญ สมองดี นายอำเภอบ้านโฮ่ง พร้อมด้วยนายวัชชพล บาระมี ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง นายวีระชาติ ทาลึ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง และนายหมู่ใหญ่จรัญ จิโนกูล สมาชิกกองร้อยอาสารักษาดินแดนบ้านโฮ่ง ที่ 4 สนธิกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอบ้านโฮ่ง “พยัคฆ์สามยอด” พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการตำบลหนองปลาสะวาย “พยัคฆ์มัจฉา” ประกอบด้วย กำนันตำบลหนองปลาสะวาย ผู้ใหญ่บ้าน และสารวัตรกำนันฯ ร่วมกับดาบตำรวจวัฒนา ศรีวิชัยผัด ผบ.หมู่ (ป.) สถานีตำรวจภูธรบ้านโฮ่ง วางแผนเข้าทำการจับกุมผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด จำนวน 1 ราย อายุ 61 ปี พร้อมด้วยของกลางจำนวน 24 เม็ด ณ บริเวณเพิงพักไม่มีเลขที่ หมู่ 2 ต.หนองปลาสะวาย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
4.จังหวัดนราธิวาส นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส บูรณาการร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส สั่งการให้ชุดปฏิบัติการจู่โจม สภ.ปะลุกาสาเมาะ นำโดย ร.ต.ต.บุญสิน สงสุรินทร์ ร่วมกันจับกุม นายศักดา อายุ 41 ปี อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งกำลังขับรถยนต์อีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีดำ หมายเลขทะเบียน ชัยนาท ผ่านจุดตรวจหน้า สภ.ปะลุกาสาเมาะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ สามารถตรวจพบของกลางที่ได้ตรวจยึดไว้คือ ยาบ้า รวม 199,800 เม็ดยาบ้า รถยนต์อีซูซุ รุ่นดีแม็ก สีดำ หมายเลขทะเบียนจังหวัดชัยนาท โทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย สีฟ้า พร้อมซิมเครือข่าย AIS จำนวน 2 ซิม โทรศัพท์ ไอโฟน 13 pro max สีฟ้า พร้อมซิมเครือข่าย AIS จำนวน 1 ซิม ซึ่งได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปะลุกาสาเมาะเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
5.จังหวัดอุตรดิตถ์ นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกับ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 นายสราวุธ ภักดี ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภาค 6 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ โดยตำรวจสถานีตำรวจภูธรวังกะพี้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมจับกุมขยายผลทำลายเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งสามารถจับกุมนายบุญญฤทธิ์ หรือดอส อายุ 38 ปี นายระมาด หรือเก๋ อายุ 34 ปี ชาว ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ยึดยาบ้าได้รวม 100,290 เม็ด อาวุธปืน 3 กระบอก กระสุนปืน 38 นัด ตรวจยึดทรัพย์รถยนต์เก๋ง 1 คัน ราคาประมาณ 150,000 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า 1 คัน ซึ่งผู้ต้องหาทั้งคู่เป็นเครือข่ายของกลุ่มนักค้ายาเสพติดรายสำคัญทางภาคเหนือที่ลักลอบนำยาบ้าเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ โดยชุดปฏิบัติการฯ จะได้ทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหารายอื่น ๆ ต่อไป และในจังหวัดพื้นที่ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการคุมเข้มตรวจสอบตรวจตราผู้เดินทางเข้าออกประเทศอย่างรัดกุม โดย นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายให้ นายกองตรีอุบล พีระพรปัญญา นายอำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับ นายหมวดเอกอาทิตย์ ภูละคร ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคงอำเภอนาตาล นำกำลังสมาชิก อส.กองร้อย อส.อ.นาตาลที่ 23 ร่วมกับ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านปากแซง ร่วมกันตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายจากประชาชน สปป.ลาว ที่ข้ามมาแลกเปลี่ยนซื้อ-ขายสินค้า ที่ตลาดนัดชายแดนบ้านปากแซง หมู่ 3 ตำบลพะลาน ผลการปฏิบัติตรวจประชาชน สปป.ลาว 70 คน แยกเป็นชาย 15 คน หญิง 55 คน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่พบการกระทำความผิด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวด้วยว่า สำหรับการดำเนินการตามแนวทางกวาดบ้านให้กับตัวเองเพื่อตรวจสารเสพติดบุคลากรในสังกัดทุกพื้นที่ นายสนั่น พงษ์อักษร ได้มอบหมายให้ นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก สุ่มตรวจข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในสังกัดอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดในร่างกายบุคลากรในสังกัด พร้อมกำชับหากผู้ใดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางวินัยอย่างเด็ดขาด และในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอปากพนัง ร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรปากพนัง ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรปากพนัง จำนวน 152 นาย ผลการตรวจไม่พบสารเสพติดทุกนาย รวมถึงในพื้นที่จังหวัดนครพนม ได้ดำเนินการตรวจสารเสพติด Re-x-Ray สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครพนม จำนวน 43 นาย ผลการตรวจปัสสาวะผลเป็นลบ ไม่พบสารเสพติดในร่างกายทุกนาย และเน้นย้ำมิให้กำลังพลทุกนายเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดทุกประเภทอย่างเด็ดขาด และที่จังหวัดอุตรดิตถ์ นายจักรี สโมสร นายอำเภอน้ำปาด มอบหมายให้ นายทวีศักดิ์ พุ่มมรดก ปลัดอำเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง และนายนพนิวัฒน์ อัคจร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ดำเนินนนโยบายจังหวัดอุตรดิตถ์ “เมืองสงบมั่นคง ปลอดภัย” ลงพื้นที่สุ่มตรวจสารเสพติด Re-x-Ray กลุ่มข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้าง ของ อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 47 นาย ผลการตรวจปัสสาวะผลเป็นลบ ทุกนาย
“กระทรวงมหาดไทย เดินหน้าอย่างมุ่งมั่นในการทำสงครามกับยาเสพติดและอาวุธผิดกฎหมายทุกชนิด ด้วยการบูรณาการการทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส. รวมถึงทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้น โดยใช้ทุกกลไกภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ลงพื้นที่ลุยกวาดล้างผู้กระทำความผิดอย่างแข็งขัน พร้อมทั้งนำผู้หลงผิดไปเสพยาเสพติดหรือติดยาเสพติดเข้ารับการบำบัดรักษา เพื่อคืนคนดีให้กับสังคม ให้กับครอบครัว และหมั่นลงพื้นที่ติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ปัญหายาเสพติดเป็นปัจจัยทำลายคนบริสุทธิ์อีก อันจะทำให้ลูกหลานของพวกเราทุกคน อยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข” นายสุทธิพงษ์ กล่าว