เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ.พร้อม ว่าที่ พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.2 บก.ปคบ. และ นายอนันต์ อักษรศรี รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ร่วมแถลงผลการตรวจค้นแหล่งลักลอบผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเถื่อน ของ บริษัท คิงสิ โชบุ จำกัด รวม 6 เป้าหมาย ใน จ.สมุทรปราการ , ฉะเชิงเทรา , ระยอง , นครราชสีมา , อุตรดิตถ์ และ ประจวบคีรีขันธ์ ยึดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวัตถุอันตรายประเภทที่ 2 และปุ๋ยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน 488 กระสอบ รวม 12,200 กก. , วัตถุอันตรายที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน 4 รายการ แบบบรรจุกระป๋อง 5,134 กระป๋อง , แบบบรรจุกระปุก 56 กระปุก , แบบบรรจุซอง 3,500 ซอง , แบบบรรจุแกลลอน 240 แกลลอน มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ กล่าวว่า บก.ปคบ. ร่วมกับ กรมวิชาการเกษตร (กวก.) สืบทราบว่า บริษัท คิงส์ โชบุ จำกัด ใช้เพจเฟซบุ๊กโฆษณาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ทางการเกษตรโดยใช้ชื่อทางการค้า “คิงส์ไตรโค” ซึ่งจากการตรวจสอบเชื่อว่ามีส่วนผสมที่เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 เป็นไตรโคเดอร์ม่าใช้กำจัดเชื้อราในทุเรียนและอื่นๆ ต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งการดำเนินการกับกรมวิชาการเกษตร นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ปุ๋ย ที่น่าเชื่อว่าเป็นปุ๋ยที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน โดยพบว่าเพจดังกล่าวมีการสร้างเครือข่ายไปยังส่วนภูมิภาคและกระจายจำหน่ายไปทั่วประเทศ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายค้นสถานที่คาดว่าเป็นแหล่งลักลอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทดังกล่าว รวม 6 จุด สามารถตรวจยึดผลิตภัณฑ์ของกลางดังกล่าวและเก็บตัวอย่างไปตรวจพิสูจน์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายอนันต์ กล่าวว่า สำหรับสินค้าดังกล่าวหากนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจะกระทบต่อคุณภาพของทุเรียน และอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อร่างกาย จากการสอบสวนเบื้องต้น เข้าข่ายความผิด 5 ข้อหา คือ 1.ขายปุ๋ยเคมีโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ขายปุ๋ยอินทรีย์โดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.ปุ๋ย พ.ศ.2518) โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3.ขายปุ๋ยเคมีที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มิได้ขึ้นทะเบียนไว้ (พร.บ.ปุ๋ย พศ.2518) ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท 4.ผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 โดยไม่ได้ไม่อนุญาต (พ.ร.บวัตถุอันตราย พ.ศ.2535) โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 5.ผลิตวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ที่ต้องขึ้นทะเบียนแต่มีได้ขึ้นทะเบียน (พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535) โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ