“คลัสเตอร์คุกพ่นพิษ” แล้ว ทำยอดติดเชื้อไทยทำสถิติใหม่ทุกชนิด ยอดติดเชื้อรายวันพุ่งสูงสุด 4,887 ราย เสียชีวิตทำนิวไฮใหม่ 32 ราย ส่งผลให้ยอดสะสมอยู่ที่ 93,794 ราย แซงหน้า “จีน” ต้นตอไวรัสไปแล้ว โดยอยู่อันดับ 94 ของโลก “หมอทวีศิลป์” เผย 11 เขตใน กทม.ยังเสี่ยงสูง ปลื้มมี 14 จังหวัดไร้คนติดเชื้อใหม่ “สมศักดิ์” ควงบิ๊กราชทัณฑ์เรียงหน้าแจงยิบ “โควิดคุก” ยันไม่มีปกปิดข่าว เชื่อ “รุ้ง” ไม่ได้ติดไวรัสจากห้องขัง
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4,887 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,036 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,439 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 597 ราย มาจากการคัดกรองเชิงรุกในเรือนจำ 2,835 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 93,794 ราย หายป่วยสะสม 60,615 ราย อยู่ระหว่างรักษา 32,661 ราย อาการหนัก 1,209 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 406 ราย
นพ.ทวีศิลป์แถลงอีกว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 32 ราย อยู่ใน กทม. 17 ราย, นครราชสีมา 3 ราย, ปทุมธานีและเชียงใหม่ จังหวัดละ 2 ราย, สุรินทร์ สระบุรี นครปฐม พะเยา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เพชรบุรีและภูเก็ต จังหวัดละ 1 ราย ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคตับ โรคปอดเรื้อรัง มะเร็ง โรคอ้วน ติดเตียง ปัจจัยเสี่ยงมาจากคนในครอบครัว ร่วมงานเลี้ยง ไปสถานที่แออัด และอาชีพเสี่ยง ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 518 ราย
นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวว่า 5 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อที่สุดในวันที่ 13 พ.ค. ได้แก่ กทม. 1,069 ราย, สมุทรปราการ 194 ราย, ปทุมธานี 105 ราย, นนทบุรี 78 ราย และสุราษฎร์ธานี 73 ราย แต่วันเดียวกันมีถึง 14 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเลย ได้แก่ ลพบุรี, ตราด, ตาก, น่าน, กาฬสินธุ์, ชุมพร, พะเยา, อุตรดิตถ์, หนองคาย, อำนาจเจริญ, แม่ฮ่องสอน, หนองบัวลำภู, มุกดาหาร และสตูล ซึ่งผู้ติดเชื้อยังกระจุกอยู่ที่ กทม.และปริมณฑล ที่มีผู้ติดเชื้อรวมกัน 1,524 ราย ส่วนจังหวัดอื่นๆ รวมกันเพียง 512 ราย ทั้งนี้ สถานการณ์ของ กทม.มีแนวโน้มระบาดคงตัวไม่ลดลง และมีผู้ป่วยอาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มขึ้น โดยมีความเข้มข้นใน 11 เขต ประกอบด้วย ดินแดง, วัฒนา, ลาดพร้าว, พระนคร, ราชเทวี, สวนหลวง, ดุสิต, ป้อมปราบศัตรูพ่าย, คลองเตย, จตุจักร และหลักสี่ เขตเหล่านี้อยู่ในพื้นที่เฝ้าระวัง
โฆษก ศบค.ยังแถลงถึงผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 16 ราย ว่าจำนวนนี้มี 6 ราย ลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ เป็นกัมพูชา 2 ราย, เมียนมา 1 ราย, มาเลเซีย 1 ราย และลาว 2 ราย โดยที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้หารือถึงปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ และเมื่อวันที่ 12 พ.ค. มีรายงานว่าฝ่ายปกครองกาญจนบุรีร่วมกับตำรวจจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ที่ ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ โดยพบบนรถกระบะ 3 คัน กำลังลำเลียงคนต่างด้าวเมียนมา 75 คน แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงคัดกรองและดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงเน้นย้ำฝ่ายความมั่นคงดูแลตรงนี้ และฝากประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาด้วย
เมื่อถึงกรณีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายตามบริเวณชายแดนที่ยังมีมาก ศบค.จะแก้ปัญหานี้อย่างไร นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้ให้นโยบายชัดเจนต่อเลขาธิการ สมช. ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ว่าให้ฝ่ายความมั่นคงคือ ศปก.มท.ของกระทรวงมหาดไทยตรวจเข้มและรายงานทุกวันในเรื่องนี้ และเราไม่ได้นำมาเป็นภาระในการนำมากักตัว เพราะได้ผลักดันออกไป แต่ยังพบว่ามีการกระทำผิดซ้ำ และบางข่าวบอกว่าเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เชื่อมโยงกับเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่ไม่ดี จึงมีการเน้นย้ำว่าขอให้ประชาชนทุกคนช่วยเป็นหูเป็นตา หากมีหลักฐานใดแจ้งมาที่ ศบค. และหากพบว่าเป็นเบาะแสที่จำเป็นต้องจัดการต่อเรื่องนี้โดยตรงจะได้ดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด โดยเบอร์โทรศัพท์ที่แจ้งตรงเข้ามาได้คือ สายด่วน 1111, 191, 1599 และ 1138
ยอดติดเชื้อไทยแซงจีน
สำหรับสถานการณ์ติดเชื้อโควิดทั่วโลก ณ เวลา 17.50 น. ตามเวลาในไทย ที่มีการรวบรวมโดยเว็บไซต์
www .worldometers.info/coronavirus/ พบว่ามี 220 ประเทศและดินแดนมีผู้ติดเชื้อรวมกันทั้งสิ้น 161,138,318 คน เสียชีวิต 3,347,018 คน และรักษาหาย 138,963,721 คน ทั้งนี้ ตัวเลขการติดเชื้อของไทยที่ทำสถิติล่าสุด 4,887 ราย ทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 93,794 ราย ขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 94 จากเดิมอยู่ที่อันดับ 98 ที่สำคัญจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของไทยแซงหน้าประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นต้นตอของไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว โดยจีนอยู่ที่อันดับที่ 97 มีผู้ติดเชื้อ 90,799 ราย
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม สั่งให้ทุกหน่วยงานร่วมหารืออย่างเคร่งครัด รัดกุม และทันท่วงที ถึงแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ ในกรณีที่พบว่ามาจากผู้ติดเชื้อที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ โดยนายกฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีการพบเชื้อกลายพันธุ์นี้ในผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการกักตัว 14 วัน หลังเดินทางเข้ามาในไทย และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการและระเบียบต่างๆ โดยทันที
ด้าน ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงถึงสถานการณ์โควิด-19 ใน กทม.ว่ามีหลายกลุ่มก้อน โดยคลัสเตอร์ที่สำคัญ อาทิ ชุมชนแออัดในเขตคลองเตย, ตลาดห้วยขวาง, แฟลตดินแดง เขตดินแดง, ปากคลองตลาด เขตพระนคร, สี่แยกมหานาค เขตดุสิต, สำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์, บริษัทขายตรงตึกเอ็มไพร์ เขตสาทร, ชุมชนวัดโสมนัส เขตป้อมปราบฯ, ชุมชนบ่อนไก่ เขตปทุมวัน และชุมชนบ้านขิง/เดอะมอลล์ บางแค เขตบางแค เป็นต้น โดยหลายคลัสเตอร์มีแนวโน้มคุมการระบาดได้ ได้แก่ บริษัทขายตรงตึกเอ็มไพร์, ชุมชนวัดโสมนัส, ชุมชนบ่อนไก่ และชุมชนบ้านขิง/เดอะมอลล์ บางแค
“กทม.ร่วมกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กระทรวงสาธารณสุข กองทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในคลัสเตอร์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชุมชนแออัดคลองเตย โดยปัจจุบันได้เร่งตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในตลาดคลองเตย เพื่อแยกผู้ติดเชื้อนำเข้าสู่ระบบรักษาพยาบาล” ร.ต.อ.พงศกรระบุ
วันเดียวกัน ยังคงมีความต่อเนื่องกรณี น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร ติดโควิด-19 ซึ่งระบุว่าติดจากทัณฑสถาน และเชื่อว่ามีผู้ติดเชื้ออีกจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดกรมราชทัณฑ์ได้แถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีเกือบ 3,000 คน โดยนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมคณะได้แถลงข่าวดังกล่าว ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นข้อมูล ณ วันที่ 12 พ.ค. พบผู้ติดเชื้อในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 1,794 ราย และทัณฑสถานหญิงกลาง 1,039 ราย ซึ่งเป็นยอดผู้ติดเชื้อรวมตั้งแต่เริ่มมีการระบาดระลอกใหม่ในเดือน เม.ย.เป็นต้นมา และผู้ติดเชื้อทั้งหมดได้รายงานไปยัง ศบค.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำจะย้ายผู้ติดเชื้อไปยังโรงพยาบาลแม่ข่ายทันที และจะแจ้งไปยังญาติผู้ต้องขังเป็นการเฉพาะราย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของผู้ต้องขังว่าต้องการแจ้งญาติหรือไม่ด้วย พร้อมทั้งเร่งขยายผลการสอบสวนโรคจากผู้ติดเชื้อดังกล่าวไปยังผู้ต้องขังที่อยู่ในระยะพื้นที่รับเชื้อทุกราย โดยจะตรวจซ้ำยืนยันภายใน 7 วัน และ 14 วัน โดยกรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามแนวทางของ สธ.อย่างเคร่งครัด
ด้านนายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยอมรับว่า สิ่งที่น่ากังวลในการแพร่ระบาดครั้งนี้ คือเรื่องสายพันธุ์ที่มีความไวต่อการติดเชื้อได้สูง แสดงอาการช้า และมีภาวะแทรกซ้อนอันตราย ซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่ที่กรมต้องเผชิญ อีกทั้งทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ อาจมีบุคลากรเฉพาะด้านที่ไม่เพียงพอกับการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด แต่ได้เร่งจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือเพิ่มเติมแล้ว และจะมีมาตรการต่างๆ ในคัดกรองเชิงรุก มาตรการป้องกัน และมาตรการรักษาอย่างเป็นระบบที่เรียกว่าลาดยาวโมเดลบริหารจัดการ
ชี้รุ้งไม่ได้ติดโควิดจากคุก
นายวีระกิตติ์ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.ปนัสยาว่า ได้ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย. โดยผลตรวจออกมาเป็นลบ ไม่มีเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด และยังได้กักตัว น.ส.ปนัสยาตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.-5 พ.ค. ซึ่ง น.ส.ปนัสยาไม่ได้ออกไปภายนอกเรือนจำหรือทำกิจกรรมใดๆ จนกระทั่งได้รับปล่อยตัวไปเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ยังได้ตรวจหาเชื้อเชิงรุก 100% ในแดนที่ น.ส.ปนัสยากักตัวอยู่ ซึ่งไม่พบว่ามีผู้ต้องขังคนใดที่อยู่กับ น.ส.ปนัสยาติดเชื้อ ส่วนกรณีนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎรที่ต้องตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนนำตัวขึ้นศาล ผลการตรวจนายภาณุพงศ์ พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันได้ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาในช่วงบ่าย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม พร้อมคณะ แถลงข่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง โดยยอมรับว่าทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่นๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่าศาลจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการปิดข่าวว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เราไม่มีการปิดข่าว เปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด
นายวีระกิตติ์กล่าวเช่นกันว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยในเดือน เม.ย.ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น แต่เมื่อเราได้รถพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ได้รับทราบผลตรวจเชื้อว่านายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมทนายพบเชื้อโควิด-19 ส่วนตนเอง และมารดาของ น.ส.ปนัสยา ไม่พบเชื้อ ซึ่งทีมทนายคนไหนที่สัมผัสกับ น.ส.ปนัสยาคงต้องกักตัว 14 วันตามมาตรการ
นายปิยรัฐ จงเทพ หัวหน้าการ์ดวีโว่ โพสต์เฟซบุ๊กถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำว่า ก่อนหน้านี้หลายวันตั้งแต่อยู่ข้างในจนออกมาข้างนอก ทนายพยายามร้องขอต่อศาลว่าพวกเราที่อยู่ข้างในนั้นอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด ขอให้ศาลเร่งพิจารณาให้ปล่อยตัวชั่วคราวเราก่อนสายไป แต่ก็ไร้ผล สุดท้ายก็ถึงวันที่เรารู้สึกว่า หรือพวกเขารวมหัวกันเอาเราไปขังเหมือนตั้งใจเอาเราไปฆ่าให้ตายด้วยเชื้อโควิด ถ้าเพื่อนเราไม่ติดกันอย่างนี้ สังคมภายนอกคงไม่มีทางรู้ว่าเรือนจำกำลังเป็นแหล่งเพาะเชื้อ และคงไม่มีใครสนใจเพื่อนมนุษย์ในแดนสนธยาที่แม้ใครจะเจ็บจะตายก็ยากที่ใครจะรับรู้ได้.