ส.ป.ก. จับมือกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่งเสริมโครงการ ปลูกสมุนไพร ในชุมชน เจาะกลุ่ม ผู้ได้รับผลกระทบโควิด 1,000 ราย คาดสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 27 ล้านบาท
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม( ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ได้หารือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงาน โครงการพลิกวิกฤติ COVID-19 สู่การสร้างเศรษฐกิจจาก OTOP สมุนไพรในชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายร่วมกันพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน ส่งเสริมพัฒนากลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพร เพื่อสร้างความรู้ในการปลูกสมุนไพรให้มีคุณภาพมาตรฐาน และส่งเสริมการแปรรูปสมุนไพร
รวมถึง ส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการที่มีสินค้าจากผลิตภัณฑ์สมุนไพรขยายสู่ตลาดสากล โดยใช้ภูมิปัญญา องค์ความรู้ ทรัพยากรท้องถิ่น นวัตกรรม เทคโนโลยี ในการบริหารจัดการขององค์กรชุมชนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายดำเนินการ 10 จังหวัด ได้แก่ 1.เชียงราย 2.ฉะเชิงเทรา 3.ชลบุรี 4.อุทัยธานี 5.อุตรดิตถ์ 6.นครราชสีมา 7.ปราจีนบุรี 8.นครพนม 9.ชุมพร และ 10.พัทลุง
โดยมีกิจกรรมในการดำเนินงานที่สำคัญ คือ การให้ความรู้แก่เกษตรกรในการปลูก แปรรูป การเก็บเกี่ยว เพื่อให้การผลิตสมุนไพรมีคุณภาพมาตรฐาน การพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์สมุนไพร จากฐานทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่นวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สมุนไพร โดยคาดว่าจะมีผลิตภัณฑ์สมุนไพรในชุมชนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 50 รายการ
การส่งเสริมการตลาดสมุนไพร โดยการจัดงาน OTOP สมุนไพรไทย และการจัดกิจกรรม Business Matching เพื่อสร้างและขยายโอกาสทางการค้าให้แก่เกษตรกรได้นำเสนอสินค้าสมุนไพรแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม การส่งเสริมการใช้สมุนไพรเพื่อรักษาโรคและสร้างเสริมสุขภาพในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในชุมชน การสร้างความเข้มแข็ง และบูรณาการในการบริหารจัดการด้านนโยบายการขับเคลื่อนงานสมุนไพรไทยอย่างยั่งยืนของรัฐบาล
คาดว่า จะเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้จากการผลิตสมุนไพร ให้แก่เกษตรกร แรงงานคืนถิ่น และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ได้กว่า 1,000 ราย รวมถึงเกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ในชุมชนเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 27 ล้านบาท
“ ส.ป.ก. มีแผนให้ทั้ง 2 หน่วยงาน ร่วมมือกันขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ปฏิรูปที่ดินโดยการส่งเสริมการพัฒนาการผลิต การแปรรูป และการตลาดสมุนไพรอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการปฏิบัติงานร่วมกันต่อไป และมีการขยายผลไปสู่พื้นที่อื่นเพิ่มเติม เพื่อสร้างความมั่นคง แข็งแรง ให้แก่เกษตรกรในเขต ส.ป.ก.”