เกิดไฟไหม้ที่วัดพระยาปันแดน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ต้องระดมรถน้ำ 20 คันสกัดเพลิงใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง จึงดับได้ โดยเพลิงเผากุฏิ หอฉัน หอสวดมนต์ อายุกว่า 60 ปี วอดเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 14 พ.ย.63 ร.ต.อ.ดอน ก๋าคำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พญาแมน อ.พิชัย ได้รับแจ้งว่าที่ วัดพระยาปันแดน หมู่ที่ 4 ต.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ มีเหตุไฟไหม้กุฏิวัด จึงรายงานให้ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ สิทธิเลิศ สารวัตร สภ.พญาแมน และรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยกู้ภัย มูลนิธิอุตรดิตถ์สงเคราะห์ จุดคอรุม และสมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ จุดพญาแมน อ.พิชัย พร้อมกันนี้ยังได้ประสานรถดับเพลิงของ อปท.ในพื้นที่อำเภอพิชัย จ.อุตรดิตถ์ และ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กว่า 20 คัน ระดมฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิงไฟที่กำลังลุกไหม้กุฏินานกว่าชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบในเบื้องต้น มีกุฏิ 13 ห้อง และหอฉัน 1 หลัง หอสวดมนต์ 1 หลัง และไม้ที่ประชาชนบริจาคมาให้วัดอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมพระและไม้ที่เก็บไว้สร้างกุฏิที่อยู่ระว่างตรวจสอบความเสียหายอีกครั้ง
นายธาริน เทียนพิทักษ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 ต.พญาแมน กล่าวว่า ขณะตนขับรถ จักรยานยนต์ อยู่ใกล้วัดพระยาปันแดน เห็นควันไฟลุกขึ้นจึงรีบไปที่วัด และให้บอกชาวบ้านมาช่วยกันดับไฟ แต่ไม่สามารถดับได้ จึงแจ้งให้รถดับเพลิงใกล้เคียงมาช่วยกันดับไฟ ทราบจากพระลูกวัดว่าก่อนที่จะเกิดไฟลุกไหม้ ได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งที่หน้าของน้ำและเกิดประกายไฟลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณที่กุฏิ สาเหตุคาดว่าน่าจะเกิดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะกุฏิไม้หลังดังกล่าว มีอายุกว่า 60 ปี ที่มีโครงสร้างเป็นไม้เก่า ประกอบกับสายไฟฟ้าก็เก่า ส่วนค่าเสียหายสันนิษฐานเบื้องต้นประมาณ 10 ล้านบาท เพราะในกุฏิมีพระเก่าแก่ และของมีค่าที่เก็บรักษาไว้ และไม้ที่ชาวบ้านบริจาค เพื่อจะสร้างกุฏิจำนวนหนึ่ง
พระปัญญากรโมลี ดร.เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พระอธิการวสันต์ วีตโรโค เจ้าอาวาสวัดดังกล่าว ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2350 ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.2458 กุฏิเสียหาย 13 ห้อง หอฉัน 1 หลัง เสียหายทั้งหมด หอสวดมนต์ 1 หลัง เสียหายทั้งหมด ศาลาอเนกประสงค์ 1 หลัง เสียหายบางส่วน ห้องน้ำ 6 หลัง เสียหายทั้งหมดพระพุทธรูป โบราณเสียหายหลายสิบองค์และพระเหรียญ รูปหล่อ บูชา เสียหายหลายพันองค์
ด้าน ร.ต.อ.ดอน ก๋าคำ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พญาแมน อ.พิชัย กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่เกิดไฟไหม้กุฏิ และหอสวดมนต์หลังใหญ่ที่มีพระสงฆ์จำวัดอยู่หลายรูป จะได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุตรดิตถ์ มาพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้งต่อไป.