19 ก.พ.64 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 13.40 น. เป็นคิวของนายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า การอภิปรายครั้งนี้ตนมีใบเสร็จหลายใบ และจะแฉว่าคนที่บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆมันจริงหรือไม่ และจะทำหน้าที่ส.ส.ให้ดีที่สุดภายใต้ข้อจำกัด ที่มีสภาเป็นสภาฯที่เรียกว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับโจร ร่างไว้ทำให้สภาฯถูกกดทับ เป็นสภาเผด็จการ
ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาพที่บ้านเก่าเสาทรุด 6 ปีที่เผด็จการประยุทธ์ ล้มล้างประชาธิปไตย ผลาญเงินเป็นจำนวนมาก ไปซื้ออย่างอื่นโดยที่ไม่จำเป็น มีการเอื้อเจ้าสัวมากที่สุด โกงมากที่สุด ตนไม่สงสัยว่าเหตุใดนายกฯถึงเผ่นหนี ทนฟังไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจไทยพังพินาศ คนจนทั้งแผ่นดิน ยอดพุ่งสูงที่สุดเลย 15 ล้านคน ขณะที่หนี้ครัวเรือนพุ่งเกิน 100 เปอร์เซ็นต์ ประชาชนฆ่าตัวตายมากที่สุด บ่อนการพนันเพิ่มมากที่สุด
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า วันนี้เสาบ้าน 9 ต้นเสื่อมทรุดหมด เริ่มจากต้นที่ 1 รัฐธรรมนูญ 2560 เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้มคนทั้งโลก แต่ต้มคนไทยที่รักประชาธิปไตย ไม่ได้ ต้นที่ 2 นิติบัญญัติ ส.ส.นั่งในสภาเต็มเลย แต่พอจะยกมือแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับไปไม่เป็น ต้องมีเสียงส.ว. กลายเป็นถูกทำหมัน ตายตั้งแต่ยังไม่เกิด
ต้นที่ 3 ฝ่ายบริหาร ล้มเหลว ไร้ผลงาน ต้นที่ 4 ศาลและองค์กรอิสระ บางครั้งต้องดูว่าธงจะไปทางใด เพราะมันถูกสั่งได้ จะเห็นได้ว่า รถถังมันหนักกว่าประชาธิปไตย เอียงกะเท่เล่จนประชาธิปไตยจะหกล้มตีลังกาหมดแล้ว ต้นที่ 5 ชาติ วันนี้ชาติเป็นของประชาชน ผู้มีอำนาจต้องทำให้ประชาชนรักชาติ อย่าให้รู้สึกว่าชาติเป็นของใครบางกลุ่มหรือบางคน ต้นที่ 6 เศรษฐกิจพังพินาศ ประชาชนต้องไปต่อคิว น่าสงสารและน่าเห็นใจมาก
ต้นที่ 7 ศาสนา เราทำนุบำรุงดูแลดีหรือยัง หรือว่าไปส่งเสริมอย่างอื่น เสาต้นที่ 8 สังคม เสื่อมทรุด แตกแยก การศึกษาล้มเหลว มีความเหลื่อมล้ำที่สุด ส่วนเสาต้นที่ 9 ขอเก็บไว้ตอนท้าย
ส.ส.พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อว่า คนที่บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ วันนี้ตนจะบอกว่ารับเงินชั่วอย่างไร จึงขอพุ่งเป้าที่กระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีโดยตรง ซึ่งมีการจัดซื้อรถบัส ประมาณ 429 คัน มูลค่ารวม 2,250 ล้านบาท โดยมีบริษัท อ ชนะการประมูลทุกครั้ง เทคนิคการประมูลจะไม่ซื้อลอตใหญ่ แต่ซอยลอตเล็กๆเพื่อผ่านแบบสบายๆ เช่น ซื้อ 512 คันแต่ประมูลแค่ 500 คันก่อนเพื่อไม่ให้เงินเกิน
“การประมูลไม่น่าเชื่อว่าใจดำกับประเทศและงบประมาณแผ่นดิน รถบัสคันหนึ่ง ราคา 4.5 ล้านบาท ลดให้แผ่นดินและภาษีประชาชนแค่ 1 หมื่นกว่าบาท ลอตนี้มัน 2 พันกว่าล้านบาท ไม่ใช่น้อยๆ ที่ประมูลไปทั้งหมด แก๊งนี้หมื่นกว่าล้านบาท “
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนเทคนิคการเทียบราคาจะเห็นว่าปล่อยให้เป็น บ.ภรรยากับสามี มาเป็นคู่เทียบตลอดเป็นบริษัทคู่เทียบกำมะลอ เพื่อฮั้วประมูล และพบข้อพิรุธทุกขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และมีการซอยย่อยงบประมาณ งบประมาณแผ่นดินงบกระทรวงกลาโหมมันเจ็บปวดจริงๆ สงสารประชาชนคนไทยที่ต้องตกระกำลำบากยากจนเพราะเอางบประมาณไปโกงกิน โดยตนจะดำเนินการกับนายกรัฐมนตรีในฐานความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 ในมาตรา 10 เนื่องจากละเว้นไม่ยกเลิกการเสนอราคา นี่หรือที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าไม่รับเงินชั่วๆ
นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายในตอนท้ายถึงเจ้าสัว 2 คน โดยระบุว่า เจ้าสัว จ. รายแรกที่จะกล่าวถึงมีพฤติกรรมชอบควบรวมกิจการต่างๆ และนิยมเลี้ยงนายทหารที่มีแววตั้งแต่ที่มียศเล็กๆจนนายทหารเหล่านั้นเติบโต จากนั้นก็จะขอให้เซ็นอนุมัติโครงการต่างๆ นอกจากนี้ ยังร่ำรวยที่ดินเป็นแสนๆไร่ วันหนึ่งรัฐบาลมีนโยบายก้าวหน้าจะเก็บภาษีที่ดิน 30เปอร์เซ็นต์ เจ้าสัวรายนี้จึงเดือดร้อน จนกระทั่งวันนี้รัฐบาลเลื่อนเก็บภาษีแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าสัวยังเลี้ยงนายจ. ซึ่งแต่ก่อนเป็นใหญ่เป็นโตอยู่ในกรุงเทพมหานคร(กทม.) เมื่อเกษียณอายุก็ได้เข้ามาเป็นประธานกรรมการอยู่ในบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาเรื่องต่างๆให้กับรัฐหลายโครงการ เช่น การต่ออายุศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี ไม่มีรัฐบาลใดลงนามให้ แต่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติแล้ว
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนมีบ้านหรูมานำเสนอให้ประชาชนรับทราบ เป็นบ้านแฝดหลังใหญ่ มูลค่า 500 ล้านในหมู่บ้านเดอะรอแยล เรสสิเด้นท์ คิดว่าน่าจะเป็นของขวัญจากเจ้าสัว จ. ตนอยากถามนายกฯว่ารู้จัก “เสี่ยโต้ง” มาเฟียพัทยา ที่ไปปลูกต้นไม้ให้กับบ้านหรูหลังนี้หรือไม่
เขา กล่าวว่า สำหรับเจ้าสัวรายที่สอง เคยยื่นซองประมูลรถไฟ และมีธุรกิจอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันเจ้าสัวได้ควบรวมกิจการต่างๆ 70เปอร์เซ็นต์ เกินเกณฑ์ที่กลต.กำหนดไว้ว่าห้ามเกิน 50เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความจริงเจ้าสัวรายดังกล่าวต้องได้รับโทษจำคุกและปรับ แต่ปรากฏว่าเขาเสียแค่ค่าปรับเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กฎ กลต. มีข้อกำหนดว่าจะต้องซื้อสินค้าในชุมชน 10 เปอร์เซ็นต์ อยากถามว่าใครจะรู้ มีใครเข้าไปตรวจสอบบ้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการอภิปรายของนายศรัณย์วุฒิ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายของนายศรันย์วุฒิ เนื่องจากมีการแสดงท่าทีและกิริยาวาจาไม่สุภาพและเอ่ยพาดพิงศาล และบุคคลภายนอก ขอให้ประธานควบคุมการประชุมไม่ให้ผู้อภิปรายพาดพิงบุคคลภายนอก และในช่วงท้ายมีช่วงหนึ่งที่นายศรัณย์วุฒิ พาดพิงถึงสถาบันทำให้ประธานที่ประชุมขอให้ยึดถ้อยคำในญัตติและอย่าออกนอกถ้อยคำในญัตติ
จากนั้นเวลา 15. 25 น. พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงตอบโต้นายศรัณย์วุฒิ ว่า เรื่องบ้านสองหลังตนยังไม่รู้เลยว่าหมู่บ้านอยู่ตรงไหน เป็นของใคร กรณีท่านไปเชื่อมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แล้วมาอ้างตรงนี้ มอเตอร์ไซด์รับจ้างบอกตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสังคมจะว่าอย่างไร ก็ระมัดระวังการถูกฟ้องด้วยแล้วกัน ทราบว่าท่านโดนหลายคดีเหมือนกัน เจ้าสัวรายใหญ่รายเล็ก ยืนยันว่ารัฐบาลดำเนินการทุกอย่างไปตามกฎหมาย และได้ชี้แจงมาหลายครั้ง หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถถัง หรืออะไร พูดกี่ครั้งก็พูดแบบเดิม การเจรจาจีทูจี ไม่มีประเทศไหนเป็นไม่เจ้าของกิจการเอง แต่เป็นการรับรองบริษัทในการเจรจา ที่มีรูปตนไปนั้น ไม่ได้ไปซื้อ แต่เป็นการไปเยี่ยมเยียนประเทศเข้าอย่างเป็นทางการ และหลักฐานของท่านที่บอกมีใบเสร็จเยอะแยะนั้น ตนไม่แน่ใจว่าใช่ใบเสร็จถูกต้อง และกฎหมายรับรองหรือไม่ ถ้ายังอ้างอยู่เช่นนี้มันจะวุ่นวายไป เพราะเป็นหลักฐานที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
“ที่อ้างว่ามีผู้นำประเทศบอกมา อยากถามว่าประเทศไหน เขาบอกกับท่านมาเอง ท่านมีโอกาสได้ไปพบเขาด้วยตัวองหรือไม่ คนที่มาบอกว่าอย่างโน้นอย่างนี้คือใคร ผมคิดว่าส่วนตัวแล้วท่านไม่มีโอกาสเข้าพบผู้นำเหล่านี้แน่นอน จากตัวตนท่านเองไม่มีทาง”นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องรถบัส กองทัพบกเป็นการดำเนินการของกองทัพบก มีการดำเนินการเป็นขั้นตอนของเขา เพื่อทดแทนในส่วนที่ทรุดโทรม รายละเอียดต่างๆและทีโออาร์ก็เป็นเรื่องที่เขากำหนดกัน และเรื่องงบกลางนั้น ไม่ใช่นายกฯเอาเงินมาอยู่ที่ตัวเองแล้วสั่งทุกอย่างได้ เพราะต้องเข้าครม. เข้าใจกันเสียที ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็เอาไปช่วยประชาชน ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆค่อนข้างที่จะก้าวล่วงหมิ่นประมาทตนหลายเรื่อง ขอให้ไปพูดข้างนอกแล้วกัน และยืนยันถึงการใช้กฎหมายต่างๆ กฎหมายนั้นอยู่เฉยๆ เมื่อมีการละเมิดเจ้าหน้าที่ก็ต้องดำเนินการ ตนสั่งไม่ได้ที่ว่าตนไปก้าวล่วงไปเกี่ยวข้องนั้นขอให้ระวัง
“ด้วยบุคลิกของผมที่บอกว่าผมไม่ดี ผมเลวร้าย กับบุคลิกของท่าน ถามประชาชนว่าจะเชื่อใคร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นนายศรัณย์วุฒิ ลุกขึ้นโต้พร้อมว่า ใบเสร็จที่นำมาชี้แจงเป็นหลักฐานจริงๆและยืนยันได้ หมดอำนาจเมื่อไหร่ก็โดนไล่บี้ไล่ต้อนเมื่อนั้น เพราะหลักฐานการคอร์รัปชันไม่มีหมดอายุความ
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกลับลุกขึ้นสวนว่ากระดาษที่ถือเป็นหัวข้อนั้นเป็นใบเสร็จอย่างไร ใบเสร็จที่ท่านเขียนเอง รูปร่างใบเสร็จไม่ใช่แบบนั้น ก็ขอให้ไปพิสูจน์ต่อไปในกระบวนการยุติธรรม.